2538 อัลเทอร์มาจีบ – 2538 Alter-Ma-Jeeb 2015

เรื่องย่อหนัง

ปี 2558 ในยุคที่ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด ก้อง (เนตั้น – แดนอรุณ รามณรงค์)เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีเฟซบุ๊กเป็นบ้านหลังที่สอง มีสมาร์ทโฟนเป็นปัจจัยที่ห้า เขามองว่าความรักก็เหมือนการเล่นไลน์ รักแล้วไม่ต้องรอ ส่งสติกเกอร์เดี๋ยวเดียวรู้เรื่อง แน่นอนว่าเขาไม่เคยเข้าใจความรักของพ่อแม่ที่กว่าจะรักกันได้ต้องใช้เวลาขนาดไหน แต่ไม่ทันไร ก้องก็ได้รู้เรื่องสมใจ เมื่อเขาไปเจอเพจเจอร์เก่ากึ๊กของพ่อที่อยู่ดีๆ ก็มีข้อความส่งมาให้โทรกลับ แต่บังเอิญสมาร์ทโฟนคู่ใจแบตหมด เขาจึงไม่รอช้าควักเหรียญหยอดตู้โทรศัพท์โทรไปเบอร์นั้นทันที!

ก้องลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองอยู่ในปี 2538 ปีที่วัยรุ่นทุกคนยังฟังเพลงผ่านเทปคาสเซ็ท วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟอย่างวงพราว อรอรีย์ สไมล์บัฟฟาโล่ กำลังโด่งดังแบบสุดๆ และที่สำคัญวัยรุ่นยังจีบกันผ่านเพจเจอร์อยู่เลย ก่อนที่เขาจะได้พบกับพ่อหรือ ตั้มวัยหนุ่ม (แวน – ชนินทร จิตปรีดา) และแม่หรือ แหม่มวัยสาว (โฟน – ชลกาญจน์ พวงน้อย) ที่ยังเป็นวัยรุ่นอัลเทอร์ฯสุดจี๊ดแต่นั่นยังไม่จี๊ดเท่ากับได้เจอ ส้ม (ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เด็กสาววัยรุ่นสุดเปรี้ยวสมชื่อที่เขาตกหลุมรักเธอรวดเร็วราวกับส่งสติกเกอร์ไลน์ จนอยากเอาเธอมาจีบเสียเหลือเกิน แต่ดูเหมือนจะผิดที่ผิดทางผิดเวลาไปหน่อย เพราะส้มคือมือที่สามที่จะมาแย่งตั้มไปจากแหม่ม พูดง่ายๆ ส้มคือตัวแปรสำคัญที่เกือบจะทำให้เขาไม่ได้เกิดมา!
ก้องจึงต้องพยายามทำทุกทางเพื่อให้พ่อกับแม่ได้สมหวังกัน ขณะเดียวกันหัวใจเขาก็ได้เทให้ส้มไปหมดแล้ว เพราะเธอคือคนที่ทำให้เขารู้ว่า ความรักก็เหมือนฟังเทป รักแล้วต้องรอ ไม่ใช่กรอไปฟังเพลงไหนก็ได้
งานนี้ได้แต่ร้องเพลงรอลุ้นว่าก้องจะทำอย่างไรกับปัญหาหนักใจในครั้งนี้ แล้วเขาจะกลับมายุคปัจจุบันเพื่อมาอัพสเตตัสเฟซบุ๊กได้อีกครั้งหรือไม่?

ตัวอย่างหนังออนไลน์

รีวิวหนัง
2538 อัลเทอร์ มาจีบ (ยรรยง คุรุอังกูร / Thailand / 2015)

ด้วยเรื่องราวที่ชวนให้หวนหาอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้วก็น่าจะสามารถดึงคนดูในวัยผู้ใหญ่วัยทำงานวัยพ่อวัยแม่และแฟนเพลงอัลเทอร์เนทีฟพร้อมใจกันตีตั๋วเข้าโรงมาระลึกความทรงจำก่อนเก่าได้ไม่น้อย และเรื่องราวความรักตลกโรแมนติกระหว่างตัวละครพระเอกนางเอกวัยมัธยมก็น่าจะดึงดูดให้หนุ่มสาวกระโปรงบานขาสั้นชักชวนกันมาดูได้มาก แต่เมื่อการตลาดไม่ได้ฉกาจรอบด้านทำให้การที่จะได้เงินหรือยืนโรงนานแค่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวหนังและกระแสปากต่อปาก แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ทำให้ถึงขั้นประทับใจโดยเฉพาะการตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการยัดความหวังหอมหวานตรงๆ โต้งๆ ในตอนจบ แทนที่มันจะกลายเป็นความทรงจำเศร้าหม่นปนสุขให้ตลอดรอดฝั่ง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นบางอย่างในหนังมันมีเสน่ห์และของดีทีเด็ดมหาศาลเมื่อเทียบกับหนังไทยกระแสหลักในช่วงเวลาเดียวกันนี้หรือแม้กระทั่งในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ทีเด็ดอย่างแรกคือพล็อตเรื่อง ‘เด็กหนุ่มที่ย้อนอดีตไปเจอกับเด็กสาวมัธยมที่เคยหลงรักพ่อของเขาเองในอดีต ’ สำหรับเรามันน่าสนใจมากๆ ในความเป็นหนังรักโรแมนติกและลูกเล่นของความขัดแย้งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ และพระเอกของหนังที่ดีเด่นกว่าการแสดงของพระเอกหลายเท่าก็คือ Dilemma สถานการณ์กระอักกระอ่วนในช่วงจุดเปลี่ยนท้ายเรื่องที่ทำให้หนังที่แรกๆ ไหลไปเรื่อยให้มีดีและน่าติดตามขึ้นมาได้ในระดับที่เปรียบได้ว่าเป็นฟ้ากับเหว และตรึงเราไว้กับหนังได้ตั้งแต่ตอนนั้น ถึงระหว่างทางมันจะยังไม่ทิ้งความปวกเปียกของตรรกะและปรากฏความเฉิ่มเชยอยู่ประปราย จนถึงขั้นมากมายเหลือเกิน เมื่อเทียบกับจุดดีที่ชอบมากๆ มันก็อดที่จะบ่นซ้ำไปซ้ำมาด้วยความเสียดายไม่ได้น่ะนะ
ในส่วนของการแสดง ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก สามารถประคองและเสริมเสน่ห์ตัวละคร ‘ส้ม’ ได้อย่างเหมาะเจาะกับคาแร็กเตอร์ ถึงแม้บางทีบทที่เขียนขึ้นมาจะเล่าลักษณะตัวละครได้น่ารำคาญและรอบคอบน้อยไปหน่อยกับการล้อมมุกเฉิ่มเชยและไม่เวิร์คในความสมเหตุสมผล จนทำให้ตัวละครมันดูไม่น่าเชื่อและดูงี่เง่าตามไปด้วย ก่อนจะถึงคิวระเบิดเสนห์ในฉากโรแมนติกดราม่าที่อบอวลด้วยบรรยากาศสิ้นหวังกับฉากประกวดร้องเพลงช่วงท้ายๆ หลังจากที่เกิด Dilemma ท้องก่อนแต่งที่คนดูและตัวละครทุกตัวรู้เรื่องกันหมดนอกจากส้มที่ไม่รู้เรื่อง ซ้ำแล้วยังมีความสุขในความหวังเต็มเปี่ยมทำให้ตั้งแต่วินาทีนั้นมาพลังความหวังในความรักของส้มมันกระทบกระแทกให้ทุกรอยยิ้มทุกความดีใจของส้มกลายเป็นความเศร้าสำหรับเราในทุกเสี้ยววินาที ขณะที่ เนตั้น แดนอรุณ พระเอกของเรื่องที่การแสดงยังปวกเปียก แต่เสน่ห์ส่วนตัวก็สามารถกลมกลืนกับตัวละคร ‘ก้อง’ ได้ดีอยู่ เสียดายตรงที่ความสามารถในเรื่องดนตรีของเนตั้นเองหรือข้อดีของตัวละครที่มาจากอนาคตไม่ได้ถูกเอามาใช้เป็นมุกให้เกิดเสน่ห์มากขึ้นเท่าไหร่ มีแต่มุกที่ตั้งใจยัดเกินไปจนไม่เกิดมิติและกลายเป็นแค่มุกๆ หนึ่งที่อยากเล่นอยากล้อโดยที่ไม่รอบคอบกับความสมเหตุสมผลของการรับรู้ของตัวละคร และไม่ได้เกิดประโยชน์กับสถานการณ์

ถึงหนังจะมี Dilemma โหสสัสที่เราอินกับมันมาก แต่หนังก็มีจุดอ่อนที่มากๆ คือความขัดแย้งแตกหักในความสัมพันธ์ในครอบครัวของพระเอก โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่พอปูมาหน่อยเดียวแล้วโพล่งปัญหาด้วยเหตุผลหึงคนตายง่ายๆ มันก็เลยทำให้ในส่วนของภารกิจเปลี่ยนอดีตเพื่อครอบครัวที่ดีขึ้นของพระเอกมันอ่อนด้วยลงไปด้วยในตอนท้าย อีกทั้งเมื่อมองดีๆ แล้วตรรกะของวนลูปเวลามันยังขัดแย้งกันอยู่จนเป็นแผลเหวอะสุดๆ ที่รู้สึกได้ชัดๆ นอกไปจากการแสดงของ แหม่ม วิชุดา กับ อิงค์ อชิตะ รวมถึง เนตั้น และการกำกับที่ทำให้คนทั้ง 3 คนในครอบครัวนี้ดูไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะฉากสรุปการลงเอยของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดูยังไงก็ขัดๆ ทั้งขาดและเกิน กลายเป็นฉากที่เราไม่ได้รอดูและแทบจะไม่สลักสำคัญอะไรเลยเพราะเราหลงรักตัวละคร ‘ส้ม’ ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ฉากสุดท้ายหนังก็มาพรากส้มไปจากความทรงจำพอดีพองามของเราไปอย่างไม่น่าให้อภัย